ฝนตกหนัก “ห้องชื้น” ทำอย่างไรให้ตื่นแล้วสดชื่น ดีกว่าชื้นเพราะเชื้อรา

ห้องชื้น

ฝนตกหนัก “ห้องชื้น” ทำอย่างไรให้ตื่นแล้วสดชื่น ดีกว่าชื้นเพราะเชื้อรา

ลำพังตอนฝนไม่ตก พื้นที่หรือบางมุมในห้องที่พักอยู่ก็ชื้นอับพออยู่แล้ว และยิ่งฝนมาตกเช้า-เย็นแบบนี้ ห้องชื้น อีกห้องหับดูชื้นจนบางจุดเกิดเชื้อราฟูขาวน่ารังเกียจ ว่าแต่เราจะทำอย่างไรไม่ให้บ้านหรือห้องของเรากลายเป็นเชื้อราน่าขยะแขยงอีกต่อไป

1.จัดห้องให้เป็นระเบียบและอากาศถ่ายเท เว้นพื้นที่หน้าประตู หรือหน้าต่างให้อากาศไหลเวียนและถ่ายเทเข้ามาในห้องได้อย่างสะดวก ห้องวิลล่า จะได้ไม่อับชื้น และควรหมั่นเปิดหน้าต่างประตูให้ห้องได้ระบายอากาศ

2.ทำความสะอาดของใช้อย่างสม่ำเสมอ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ อาจจะทำความสะอาดเดือนละครั้ง แต่ถ้าเป็นของใช้ชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็หมั่นทำความสะอาดบ่อยๆ เพื่อลดการสะสมของเชื้อรา

3.นำสิ่งของที่อาจจะดูดความชื้นได้ดีไปตากแดด ของใช้ประเภทหมอน ผ้าห่ม ผ้าคลุมเตียง ฯลฯ หากแดดส่องสว่างให้นำออกไปวางตากแดดลดความชื้น

4.ขจัดเชื้อราด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ มีน้ำยาฆ่าเชื้อหลายๆ ยี่ห้อที่ช่วยฆ่าเชื้อราได้ ดังนั้นอาจนำมันไปผสมน้ำให้เจือจางแล้วใช้ผ้าหรือฟองน้ำชุบบิดหมาดๆ ก่อนทำความสะอาด มีบางท่านแนะนำยารักษาแผลสดซึ่งเป็นยาใช้ภายนอก คุณจะลองดูก็ได้นะ

ห้องชื้น

ลดความชื้นให้บ้านโปร่งสบายไม่ยากอย่างที่คิด

ปัญหาที่มักพบบ่อยของบ้านในช่วงหน้าฝนคือความชื้นที่มากเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้บ้านอับชื้น กลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค แบคทีเรีย และกลิ่นอับ หรืออาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ถึงขั้นวัสดุและเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านเกิดความเสียหายจากความชื้นที่ไม่ได้รับการแก้ไข เพื่อลดการเกิดปัญหาบ้านอับชื้นในช่วงหน้าฝน และความชื้นที่สะสมอยู่ภายในบ้าน forfur จึงรวบรวม 4 เคล็ดลับการดูแลบ้านให้โปร่งสบาย ไร้ความชื้นกวนใจมาฝากกันค่ะ

เปิดรับแสงสว่างอย่างเหมาะสม 

บ้านส่วนใหญ่จะมาพร้อมการออกแบบบ้านที่มีช่องแสงสว่างอย่างเหมาะสมทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน แต่ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนในปัจจุบันที่ต้องปิดประตูหน้าต่างเมื่อออกไปทำงานนอกบ้าน หรือต้องปิดบ้านจนมิดชิดเพื่อเปิดเครื่องปรับอากาศระหว่างวันภายในบ้าน ก็อาจนำมาสู่ปัญหาที่ทำให้พื้นที่ในบ้านเกิดความอับชื้นและกลิ่นอับ เพราะเปิดรับแสงสว่างไม่เพียงพอ จึงควรเปิดหน้าต่างและผ้าม่านออก เพื่อให้แสงสว่างสามารถส่องผ่านเข้ามายังพื้นที่ภายในบ้านได้มากขึ้น เพื่อลดปัญหาความอับชื้นสะสมที่อาจทำให้บ้านกลายเป็นแหล่งเกิดเชื้อโรคและแบคทีเรีย

แต่งบ้านด้วยการทาสีกันความชื้น 

เทคโนโลยีที่พัฒนาไปก้าวไกลในปัจจุบัน ช่วยให้นวัตกรรมของสีทาบ้านเป็นไปได้มากกว่าเรื่องการตกแต่งบ้านเพื่อความสวยงาม เพราะนอกจากจะมาพร้อมคุณสมบัติที่สามารถปกป้องตัวบ้านจากรังสีความร้อนภายนอก เพื่อปรับอุณหภูมิให้พื้นที่ภายในบ้านเย็นสบาย หรือสามารถเช็ดทำความสะอาดราบสกปรกบนผนังให้หลุดออกได้อย่างง่ายดาย ยังสามารถปกป้องตัวบ้านจากความชื้นซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดเชื้อราภายในบ้านได้อย่างไม่น่าเชื่อ การหันมาทาสีบ้านด้วยวัสดุสีที่มีคุณสมบัติในการลดความชื้นได้ดี จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้สามารถรับมือกับปัญหาความอับชื้นภายในบ้านได้มากขึ้น

การระบายอากาศภายในบ้าน 

นอกจากการระบายอากาศที่ดีจะส่งผลให้บรรยากาศภายในบ้านน่าอยู่มากขึ้นแล้ว ยังสามารถลดการเกิดปัญหาบ้านอับชื้น ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดกลิ่นอับและเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคภายในบ้านอีกด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วสามารถทำได้โดยการเปิดประตูและหน้าต่างเพื่อให้ลมและแสงสว่างพัดผ่านเข้ามายังพื้นที่ภายในบ้านเพื่อไล่ความอับชื้น โดยไม่ตั้งวางเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ที่บังทิศทางลมผ่าน หรืออาจเพิ่มประสิทธิภาพให้การระบายอากาศภายในบ้านมากยิ่งขึ้น ด้วยการติดตั้งพัดลมระบายอากาศตามห้องต่าง ๆ ก็จะช่วยลดการเกิดความอับชื้นภายในบ้านได้มากกว่าเดิม 

พื้นที่สีเขียวในบ้าน 

การสร้างพื้นที่สีเขียวไว้ในบ้านด้วยการจัดสวนปลูกต้นไม้เป็นความนิยมสำหรับการอยู่อาศัยในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มชีวิตชีวาให้มุมบ้านรื่นรมย์และมีความสดชื่นชวนผ่อนคลายแล้ว ยังทำให้บรรยากาศภายในบ้านมีความเป็นธรรมชาติและเหมาะสำหรับการพักผ่อนมากยิ่งขึ้น แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือความชื้นที่เกิดจากการคายน้ำของต้นไม้ในช่วงเวลาระหว่างวัน ซึ่งอาจเป็นตัวการหลักที่จะเพิ่มความชื้นให้พื้นที่ในบ้านมากยิ่งขึ้น การจัดสวนปลูกต้นไม้ในพื้นที่ร่มของบ้านจึงควรจัดวางในทิศทางที่อากาศสามารถถ่ายเทได้อย่างสะดวก อย่างบริเวณหน้าบ้าน โซนห้องรับแขกที่ใกล้กับมุมหน้าต่าง ซึ่งสามารถเปิดรับแสงสว่างและมีการถ่ายเทอากาศที่ดี ก็จะช่วยลดความชื้นจากการคายน้ำของต้นไม้ในบ้านได้เป็นอย่างดี

ห้องชื้น

วิธีกำจัดเชื้อราในบ้านแบบไม่ให้กลับมาอีก

เชื้อราเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มีอยู่ทั่วไปในอากาศ สามารถเจริญเติบโตและเกิดขึ้นในบริเวณที่มีความชื้นหรือที่ที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก โดยเฉพาะภายในบ้าน นอกจากนี้เชื้อรายังเป็นสาเหตุการเกิดโรคต่าง ๆ ดังนั้นหากพบเชื้อราในบ้าน ควรกำจัดทันที โดยต้องคำนึงถึงวิธีการกำจัดเชื้อราเพื่อไม่ให้เชื้อรากลับมาอีก

1. ผนัง

ในการกำจัดเชื้อราบนผนัง ควรขัดล้างหรือขูดสีผนังเดิมออกให้หมดก่อน จากนั้นทิ้งให้แห้ง 1-2 วัน จึงค่อยทาน้ำยาป้องกันเชื้อรา และทิ้งให้แห้งอย่างน้อย 3 ชั่วโมง โดยไม่ต้องล้างออก ขั้นตอนสุดท้าย คือ ทาสีลงบนผนังจำนวน 2-3 รอบ ทั้งนี้ไม่ควรทาสีหรือแล็กเกอร์ทับผนังที่มีเชื้อราโดยตรง เพราะจะทำให้เชื้อรายังคงอยู่และไม่หายไปไหน

2. วอลล์เปเปอร์

ลอกวอลล์เปเปอร์ของเก่าที่มีเชื้อราออกทั้งหมด เพราะหากทิ้งไว้ จะทำให้เชื้อราลามไปส่วนอื่น ๆ ได้ จากนั้นตรวจสอบบริเวณผนังว่ามีรอยรั่วและร้าวหรือไม่ โดยเฉพาะบริเวณที่มีท่อน้ำ เพราะบริเวณนี้จะมีความชื้นมากกว่าที่อื่น ซึ่งเป็นไปได้สูงที่จะเกิดเชื้อรา เมื่อตรวจเรียบร้อยแล้ว ให้ทิ้งไว้จนผนังแห้งสนิท จากนั้นนำกรดซาลิไซลิดผสมกับแอลกอฮอล์ในอัตราส่วน 1 ต่อ 5 และนำผ้ามาชุบไปเช็ดจนกว่าจะแน่ใจว่าสะอาด แล้วรอให้แห้งและติดวอลล์เปเปอร์ใหม่ได้

3. เฟอร์นิเจอร์

ส่วนใหญ่เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นวัสดุจากไม้เนื้ออ่อน เมื่อมีความชื้น จะเสี่ยงต่อการขึ้นราอยู่แล้ว หากพบว่ามีเชื้อรา ควรนำมาล้างทำความสะอาดภายใน 1-2 วัน หลังจากนั้นควรย้ายเฟอร์นิเจอร์ไปอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก หรือที่ที่ได้รับแสงแดดส่องถึงประมาณ 1-2 สัปดาห์ แล้วคอยดูว่ายังมีเชื้อราอยู่อีกหรือไม่ หากยังมี ควรนำมาทำความสะอาดใหม่อีกครั้ง กระบะต้นไม้

4. เครื่องหนัง

หากพบเชื้อราบนเครื่องหนัง ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ รองเท้า กระเป๋า รวมไปถึงสิ่งของอื่น ๆ ที่ผลิตจากหนัง ควรใช้น้ำส้มสายชู 5-7% ชุบผ้าและเช็ดบริเวณที่เกิดเชื้อราให้สะอาดทุกซอก ทุกมุม เนื่องจากน้ำส้มสายชูมีสภาพเป็นกรด จึงสามารถทำลายเชื้อราได้ จากนั้นเช็ดครั้งสุดท้ายด้วยน้ำสะอาด และลงน้ำยาเคลือบรักษาผิวของเครื่องหนัง เพื่อป้องกันการเปียกที่ก่อให้เกิดความชื้น


About the Author

You may also like these