บ้าน

บ้าน ในความเข้าใจของหลายๆ คน ได้ให้คำนิยามแตกต่างกันออกไป บ้างก็ว่า เป็นที่อยู่อาศัย บ้างก็ว่า เป็นสิ่งปลูกสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้นเอง บ้างก็ว่า เป็นเพียงที่พักอาศัย เอาไว้สำหรับนอนพักผ่อน ซึ่งทุกอย่างที่ผู้คนได้ให้คำนิยามไว้ ก็มีความหมายในแต่ละมุมมองแตกต่างกันออกไป เราก็เช่นกัน เราได้ให้คำนิยามของคำว่า บ้าน ไว้ว่า คือสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อใช้ในการอยู่อาศัย แบบชั่วคราว หรือแบบถาวร คือสิ่งที่ทำให้ผู้ที่อยู่ มีความสุข มีความสะดวกสบายมากขึ้น และ บ้าน ยังเป็นสิ่งที่บงบอกถึงฐานะทางการเงิน ชื่อเสียงเงินทอง ทำให้รู้ถึงความรวยของผู้ที่ครอบครองเลยก็ว่าได้

บ้าน มีหลายประเภท อาทิเช่น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว ทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียม ตึกแถว อะพาร์ตเมนต์ แฟลต ฯลฯ ในแต่ละประเภทก็จะมีรูปแบบ มีสไตล์แตกต่างกันออกไป และในเนื้อหาของบทความนี้ เราจะมาอธิบายเกี่ยวกับ ประเภทของบ้าน รูปแบบต่างๆ และรวมไปถึง สไตล์บ้าน ที่มีความนิยมในยุดสมัยนี้ จะมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย

เรื่องที่เกี่ยวข้อง : แบบบ้านชั้นเดียว งบ 5 หมื่น : แบบบ้านสวนรีสอร์ทชั้นเดียว

ตัวอย่างประเภทของ บ้าน 7 ประเภทที่นิยมในปัจจุบัน

ประเภทของบ้าน 7 ประเภทที่เราได้นำมาแนะนำ เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของอีกหลายๆ ประเภท ที่มีอยู่บนโลกใบนี้

  1. บ้านเดี่ยว มีลักษณะเป็นบ้านที่มีทุกส่วนของบ้านไม่ติดกับบ้านหลังอื่น มักจะมีการล้อมรั้วรอบบ้าน เป็นบ้านที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด
  2. บ้านแฝด มีลักษณะ เป็นเหมือนบ้านสองหลังที่มีด้านใดด้านหนึ่งติดกัน แต่ปัจจุบันได้มีการออกแบบตัวบ้านให้ไม่ติดกันทั้งด้าน
  3. ทาวน์เฮาส์ มีลักษณะเป็น บ้านแถว หรือ ตึกแถว ที่มีรูปแบบหน้าตา การออกแบบเหมือนกัน ส่วนตัวบ้านอยู่ติดกัน เป็นแถวตั้งแต่ 2 คูหาขึ้นไป ความสูงไม่เกิน 4 ชั้น
  4. ทาวน์โฮม มีลักษณะเป็น บ้านแถวที่ยกระดับมาจากทาวน์เฮ้าส์อีกระดับหนึ่ง โดยเป็นบ้านแถว หรือ ตึกแถว ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเดี่ยวขึ้นมาอีกระดับ
  5. คอนโดมิเนียม หรือ อาคารชุด มีลักษณะเป็นที่อยู่อาศัยอีกรูปแบบหนึ่ง ที่เจ้าของคอนโดจะต้องแบ่งกรรมสิทธิ์ หรือ ความเป็นเจ้าของ ร่วมกับเจ้าของห้องคนอื่น ๆ ออกเป็นส่วนๆ ในพื้นที่ส่วนกลาง
  6. ตึกแถว มีลักษณะเป็นอาคารที่ถูกก่อสร้างต่อเนื่องกันเป็นแถวยาว ตั้งแต่ 2 คูหาขึ้นไป จะมีส่วนของผนังแบ่งอาคารเป็นคูหา และ ประกอบด้วยวัสดุที่ทนทานไฟได้ดีเป็นส่วนใหญ่
  7. อะพาร์ตเมนต์ มีลักษณะเป็นอาคารที่พักอาศัย มีจุดประสงค์ที่สร้างขึ้น เพื่อการให้เช่า โดยผู้ที่เข้าอยู่อาศัย หรือ เช่าอพาร์ทเม้นท์นั้น จะมีสิทธิ์ได้แค่เพียงผู้เช่าอยู่เท่านั้น

1. บ้านเดี่ยว

บ้าน

ลักษณะ

บ้านเดี่ยว มีลักษณะเป็นบ้านที่มีทุกส่วนของบ้านไม่ติดกับบ้านหลังอื่น มักจะมีการล้อมรั้วรอบบ้าน เป็นบ้านที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด เพราะว่าเป็นบ้านที่ให้ความเป็นส่วนตัวกับผู้อาศัยมากที่สุด มีพื้นที่ว่างรอบบ้านที่ผู้อาศัย สามารถต่อเติมส่วนต่างๆ เพิ่มเติมได้ตามต้องการ มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าบ้านประเภทอื่น ๆ ซึ่งบ้านเดี่ยวก็มักจะมีตั้งแต่ บ้านชั้นเดียว บ้าน 2 ชั้น และ บ้าน 3 ชั้น และยังมีให้เลือกหลากหลายแบบ จึงทำให้ผู้ที่สนใจซื้อบ้านส่วนใหญ่ มักจะเลือกบ้านเดี่ยวเป็นตัวเลือกแรกเสมอ เหมาะสำหรับคนที่มีงบประมาณมากพอในการซื้อ เนื่องจากบ้านเดี่ยวค่อนข้างมีราคาที่สูงกว่าประเภทอื่น ๆ

2. บ้านแฝด

2. บ้านแฝด

ลักษณะ

บ้านแฝด มีลักษณะ เป็นเหมือนบ้านสองหลังที่มีด้านใดด้านหนึ่งติดกัน แต่ปัจจุบันได้มีการออกแบบตัวบ้านให้ไม่ติดกันทั้งด้าน แต่เปลี่ยนเป็นการใช้บางส่วนติดกัน หรือ ใช้คานใต้ดินร่วมกันแทน เพื่อทำให้ผู้อาศัยได้รู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และ มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขึ้น เหมาะสำหรับคนที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเองในงบประมาณที่จำกัด และจำนวนสมาชิกในครอบครัวมีไม่มาก

3. ทาว์เฮาส์

3. ทาว์เฮาส์

ลักษณะ

ทาวน์เฮ้าส์ มีลักษณะเป็น บ้านแถว หรือ ตึกแถว ที่มีรูปแบบหน้าตา การออกแบบเหมือนกัน ส่วนตัวบ้านอยู่ติดกัน เป็นแถวตั้งแต่ 2 คูหาขึ้นไป ความสูงไม่เกิน 4 ชั้น ส่วนใหญ่ มักจะสร้างเป็นบ้านแถว 2 ชั้น มีกำแพงกั้นระหว่างบ้านเท่านั้น ไม่ไม่มีรั้วแบ่งกั้นอาณาเขตบ้านแต่ละหลังอย่างชัดเจน

พื้นที่ใช้ส้อย หรือ บริเวณภายในตัวบ้าน ค่อนข้างเล็ก และ จำกัด พื้นที่ใช้สอยพอประมาณ เช่น 3 ห้องน้ำ 3 ห้องนอน 1 ห้องครัว พื้นที่มีพอให้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้บ้าง เหมาะสำหรับครอบครัวเล็กๆ 3-4 คน หรือครอบครัวที่อาจจะเปลี่ยนบ้านให้เป็นร้านค้า หรือออฟฟิศได้ Phuket House

4. ทาวน์โฮม

4. ทาวน์โฮม

ลักษณะ

ทาวน์โฮม มีลักษณะเป็น บ้านแถวที่ยกระดับมาจากทาวน์เฮ้าส์อีกระดับหนึ่ง โดยเป็นบ้านแถว หรือ ตึกแถว ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเดี่ยวขึ้นมาอีกระดับ รูปแบบการดีไซน์บ้านสวยงามหรูหรา และมีเอกลักษณ์มากกว่าบ้านเดี่ยว ตัวบ้านสูงประมาณ 2-3 ชั้นขึ้นไป และสิ่งที่มีความแตกต่างจาก ทาวน์เฮ้าส์มาก ๆ นั้นก็คือ มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเข้ามาเพียงพร้อม ครบครัน ช่วยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยมากขึ้น เช่น มีส่วนกลาง มีคลับเฮ้าส์ มีฟิตเนส และ สระว่ายน้ำ นอกจากนี้ ยังมีการจัดแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน และเป็นส่วนตัวมากขึ้นจากบ้านข้าง ๆ ที่อยู่ติดกัน คือ มีพื้นที่รั้วแบ่งเป็นสัดส่วนออกจากบ้านข้าง ๆ อย่างชัดเจน

5. คอนโดมิเนียม

5. คอนโดมิเนียม

ลักษณะ

คอนโดมิเนียม หรือ อาคารชุด มีลักษณะเป็นที่อยู่อาศัยอีกรูปแบบหนึ่ง ที่เจ้าของคอนโดจะต้องแบ่งกรรมสิทธิ์ หรือ ความเป็นเจ้าของ ร่วมกับเจ้าของห้องคนอื่น ๆ ออกเป็นส่วนๆ ในพื้นที่ส่วนกลาง อาทิเช่น ทางเดิน บริเวณห้องโถงกลาง บันไดฉุกเฉิน ลิฟต์กลาง โรงจอดรถ สระว่ายน้ำ สนามเด็กเล่น ซึ่งเจ้าของห้องทุกคน จะถือว่าเป็นเจ้าของร่วมตามกฎหมาย ลักษณะของห้องในคอนโดมิเนียม จะเหมือนกับห้องอยู่อาศัย เพียงแต่เราเป็นเจ้าของห้อง ไม่ใช่ผู้เช่า

คอนโดมิเนียม จัดได้ว่าเป็นอสังหาริมทรัพย์อย่างหนึ่ง ที่เราสามารถซื้อ-ขายกันได้เหมือน ที่ดิน บ้าน ทาวเฮ้าส์ เมื่อเราจ่ายเงินซื้อคอนโดหลังนึง เราไม่เพียงแต่ได้ครอบครองกรรมสิทธิ์ในตัวห้อง แต่เรายังได้รับกรรมสิทธิ์ “ร่วม” ในทรัพย์ส่วนกลางของคอนโดมินเนียมนั้นด้วย

6. ตึกแถว

6. ตึกแถว

ลักษณะ

ตึกแถว มีลักษณะเป็นอาคารที่ถูกก่อสร้างต่อเนื่องกันเป็นแถวยาว ตั้งแต่ 2 คูหาขึ้นไป จะมีส่วนของผนังแบ่งอาคารเป็นคูหา และ ประกอบด้วยวัสดุที่ทนทานไฟได้ดีเป็นส่วนใหญ่ สำหรับความแตกต่างระหว่าง “ตึกแถว” กับ “ห้องแถว” นั้น อยู่ที่ “ห้องแถว”

ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยวัสดุที่ไม่ทนทานไฟเป็นส่วนใหญ่ แต่ “ตึกแถว” ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยวัสดุทนทานไฟเป็นส่วนใหญ่ ภูเก็ต (PHUKET)

7. อะพาร์ตเมนต์

7. อะพาร์ตเมนต์

ลักษณะ

อพาร์ทเม้นท์ มีลักษณะเป็นอาคารที่พักอาศัย มีจุดประสงค์ที่สร้างขึ้น เพื่อการให้เช่า โดยผู้ที่เข้าอยู่อาศัย หรือ เช่าอพาร์ทเม้นท์นั้น จะมีสิทธิ์ได้แค่เพียงผู้เช่าอยู่เท่านั้น โดยความเป็นเจ้าของทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นทั้งพื้นที่ หรือ กรรมสิทธิ์ของตัวอาคารเอง ก็ยังคงเป็นของเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ แต่เพียงผู้เดียวเช่นเดิม

นอกจากนี้ผู้เช่าพักทุกคน ที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์นั้น จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ ซึ่งได้กำหนดไว้ อย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการรักษามารยาทในการอยู่ร่วมกันของทุกๆ คน ในอพาร์ทเม้นท์ บางแห่งจะกำหนดระยะเวลา ในการเข้าพักอย่างแน่นอน โดยลักษณะภายนอก จะเป็นตึกสูงมีไม่เกิน 5 ชั้น และในแต่ล่ะชั้นจะถูกแบ่งออกเป็นห้องๆ ให้พักอาศัยจำนวนหลายห้อง อันนี้ขึ้นอยู่ที่ผู้สร้างอาคาร

เหมาะสำหรับการพักอาศัยอยู่กันหลายชีวิต หลายครอบครัว มีประตูเข้าออก บันไดทางขึ้น-ลง ทางเดินรวมกัน ทั้งส่วนอื่นๆ ด้วย ภายในห้องพักจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกระดับหนึ่ง อาทิเช่น ตู้เย็น พัดลม โทรทัศน์ แอร์ เป็นต้น โดยสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ ก็จะขึ้นอยู่ตามราคาห้องพักนั้นๆ ด้วย

ตัวอย่างสไลต์ของบ้าน ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน

สไตล์ของบ้าน 9 สไตล์ที่เราได้นำมาแนะนำ เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของอีกหลายๆ สไตล์ ที่มีอยู่บนโลกใบนี้

  1. บ้านสไตล์โมเดิร์น
  2. บ้านสไตล์นอร์ดิก
  3. บ้านสไตล์ลอฟท์
  4. บ้านสไตล์วิลล่า
  5. บ้านสไตล์คลาสสิก
  6. บ้านสไตล์ร่วมสมัย
  7. บ้านสไตล์โคโรเนียล
  8. บ้านสไตล์คอทเทจ
  9. บ้านสไตล์ไทยประยุกต์

1. บ้านสไตล์โมเดิร์น (Modern Style)

1. บ้านสไตล์โมเดิร์น (Modern Style)

ถ้าเราอยากให้บ้านของเราดูล้ำสมัย แต่ชอบความเรียบง่าย ก็ต้องเลือกสไตล์นี้เลย สไตล์โมเดิร์น เพราะเราเน้นการใช้รูปทรงที่มีเหลี่ยมมุม และใช้สีโทนสว่างอย่างสีขาว สีเงินของกระจก สีเทาอ่อน และอาจจะแทรกสีดำจากสีของโลหะ หรือสีส้มอมน้ำตาล จากสีของผนังอิฐแดง เข้าไปโดยไม่มีการปิดผิววัสดุ หรือแค่ทาสีปกปิดให้น้อยที่สุด มันทำให้บ้านเราดูโล่ง โปร่ง สะอาดตา ในการตกแต่งส่วนมาก จะเลือกใช้ Furniture ที่มีดีไซน์เรียบๆ แต่มีความเก๋ๆ ไม่เหมือนใคร และเน้นเรื่องประโยชน์ในการใช้สอยที่เหมาะสมกับพื้นที่

สไตล์โมเดิร์นจะมีหลังคาที่แตกต่างจากบ้านสไตล์อื่นๆ เพราะว่าเป็นหลังคาแบบเรียบๆ คือไม่มีการปูกระเบื้องหลังคานั่นเองครับ เพราะใช้เพดานของตัวบ้านแทนการมุงหลังคาไปเลย หรือบางครั้งก็อาจจะใช้เป็นหลังคาทรงเพิงหมาแหงน หลังคาเรียบ ๆ ที่มีความลาดต่ำไปด้านใด ด้านหนึ่ง ทำให้บ้านสไตล์โมเดิร์นค่อนข้างร้อน และฝนสาดได้ง่าย เพราะไม่มีหลังคามาช่วยบังนั่นเอง

2. บ้านสไตล์นอร์ดิก (Nordic House Style)

2. บ้านสไตล์นอร์ดิก (Nordic House Style)

บ้านสไตล์นอร์ดิก เป็นการตกแต่งบ้านรูปแบบหนึ่ง ของชาวยุโรปเหนือ ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มันเต็มไปด้วยเสน่ห์ของความเรียบง่าย และในการตกแต่งรูแบบนี้ล้วนก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้อยู่อาศัย ซึ่งการตกแต่งสไตล์นอร์ดิก ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแสง สี หรือ แม้แต่วัสดุต่างๆ ปัจจัยทั้งหมดได้หล่อหลอมและส่งผลต่อการออกแบบที่อยู่อาศัยของพวกเขาทั้งในด้านสถาปัตยกรรมภายนอก ภายใน และยังรวมไปถึงการออกแบบเฟอร์นิเจอร์อีกด้วย ส่วนหลังคาใช้รูปแบบทรงหน้าจั่วด้านเท่า เป็นอีกหนึ่งความพิเศษของบ้านสไตล์นอร์ดิก ใช้โทนสีของบ้านเป็นสีของธรรมชาติ ไม่ฉูดฉาดมาก มองดูแล้วสบายตา ภายในตัวบ้านได้ออกแบบโดยคำนึงถึงความโล่ง โปร่ง มีช่องเปิดให้ลมพัดผ่าน และ สามารถสัมผัสธรรมชาติภายนอกได้อย่างเต็มที่

3. บ้านสไตล์ลอฟท์ (Loft Style)

3. บ้านสไตล์ลอฟท์

สไตล์ลอฟท์คืออะไร หลายคนอาจจะมองว่าการแต่งบ้านสไตล์ลอฟท์ คือ การใช้ผนังปูนเปลือย หรือ ใช้ปูนขัดมันเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว สไตล์ลอฟท์ คือการตกแต่งบ้านที่เน้นการโชว์โครงสร้างเดิมของอาคารเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเสา โครงเหล็ก อิฐก่อที่ไม่ต้องทำการฉาบเรียบ คานเหนือฝ้า ท่อเหล็ก ท่อระบบต่างๆ ที่โผล่พ้นออกมาให้เห็น โดยมีแนวคิดในการตกแต่งให้บ้านดูโล่ง โปร่งสบายมากที่สุด ไม่เน้นเฟอร์นิเจอร์แบบบิวท์อิน แต่เน้นเฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ในการตกแต่งแบบลอยตัว ที่สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย

  • การที่ปล่อยให้เห็นโครงสร้างภายในดิบๆ เปลือยๆ แต่งในส่วนของผนังให้น้อยที่สุด และพยายามไม่ให้ภายในห้องมีที่กั้น สิ่งกีดขวางต่าง ๆ หรือพยายามให้ห้องดูโอ่อ่ามากที่สุด
  • เพดานสูง สไตล์ลอฟท์ มีจุดกำเนิดมาจากพื้นที่ในโรงงาน ซึ่งเพดานสูงเปลือยให้เห็นโครงสร้างภายในจึงเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น
  • การตกแต่งผนังให้เป็นแบบหยาบ ใช้เทคนิคฉาบปูนแบบอิสระให้เป็นลวดลาย หรือการใช้อิฐเป็นองค์ประกอบสำคัญ ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงความดิบ ความเป็นพื้นที่โรงงานในแบบดั้งเดิมได้เป็นอย่างดี
  • ให้แสงเข้าถึงทั่วห้อง สไตล์ลอฟท์มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือการที่ให้แสงธรรมชาติ ส่องสว่างได้อย่างทั่วถึงภายในห้อง ทำให้กระจกหน้าต่างบานใหญ่ ได้รับความนิยม
  • เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวและใช้งานได้จริง เพื่อคงกลิ่นอายสไตล์ลอฟท์แบบดั้งเดิมไว้ การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์จากวัสดุอย่างเหล็ก ไม้ หนัง หรือเฟอร์นิเจอร์รูปทรงเรขาคณิต จะช่วยเป็นการเติมเต็มสไตล์ลอฟท์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

4. บ้านสไตล์วิลล่า (Villa)

4. บ้านสไตล์วิลล่า

วิลล่าคืออะไร ในภาษาอังกฤษวิลล่าหมายถึงวิลล่า วิลลาเป็นแบบจำลองของที่พักที่สร้างขึ้นบนพื้นที่ขนาดใหญ่และแยกได้จากบริเวณโดยรอบ วิลล่าแต่ละหลังมีขนาดใหญ่นำการออกแบบที่ทันสมัยหรูหราพร้อมพื้นที่เปิดโล่งและใกล้ชิดกับธรรมชาติ อีกคำนึง ที่มีการค้นหามากเหมือนกัน คือ พูล วิลล่า (Pool Villa) มีลักษณะเป็นบ้านพักมาพร้อมสระว่ายน้ำ โดยส่วนใหญ่เป็นบ้านพักในรูปแบบนี้ จะมีอยู่มากในหลายๆ จังหวัด ยิ่งจังหวัดที่มีแหล่งท้องเที่ยวเยอะๆ เยอะเจอบ้านสไตล์วิลล่ามากเพื่อให้รองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และ นักท่องเที่ยวที่ต้องการความเป็นส่วนตัวท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ธรรมชาติ โดยที่พักแบบพูลวิลล่า เป็นที่พักที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะที่พักแบบนี้จะเป็นการเข้ามาพักผ่อนในบ้านพักสไตล์บ้านพักตากอากาศ

5. บ้านสไตล์คลาสสิก (Classic Stlye)

5. บ้านสไตล์คลาสสิก (Classic Stlye)

บ้านแบบสไตล์ดั้งเดิม เน้นการตกแต่งที่หรูหรา ความประณีต อลังการ และความงดงามของรูปทรง ด้วยการจำลองประติมากรรมแบบกรีกโรมัน ของสไตล์ยุโรปตะวันตก ส่วนมากมักเป็นบ้านหลังใหญ่ ทรงคล้ายปราสาทราชวัง กว้างขวาง ดูมีฐานะ จุดเด่น คือ การตกแต่งด้วยเสากลมแบบโรมัน รวมถึงรูปปูนปั้น โคมไฟระย้า และเครื่องทองเหลือง วัสดุที่ใช้ก่อโครงสร้างมักเป็นคอนกรีต เสาปูน และอิฐแดง รูปแบบหลังคาของบ้านสไตล์คลาสสิกนั้นไม่มีรูปแบบตายตัว แต่นิยมใช้หลังคาทรงปั้นหยา ทรงมะนิลา หรือทรงโดมที่ดูหรูหรา โอ่อ่า ซึ่งแน่นอนว่าข้อเสียของบ้านสไตล์คลาสสิกนั้น ก็คือการใช้งบประมาณในการก่อสร้างค่อนข้างมากนั่นเองครับ

6. บ้านสไตล์ร่วมสมัย (Contemporary Style)

6. บ้านสไตล์ร่วมสมัย (Contemporary Style)

คำว่าสไตล์ร่วมสมัย ให้ความหมายว่า สไตล์นี้เป็นการผสมผสานกันระหว่างสไตล์ในสมัยอดีต กับสไตล์แบบสมัยใหม่ปัจจุบัน หรือเรียกง่าย ๆ ก็คือการผสมผสานกันของ 2 สไตล์ อย่างสไตล์คลาสสิก และสไตล์โมเดิร์น ซึ่งเป็นสไตล์กลาง ๆ ได้สอดแทรกความประณีต ในการตกแต่ง แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเรียบง่าย ไม่หรูหราจนเกินไป และไม่เรียบจนเกินไป มักใช้โทนสีขาว ครีม น้ำตาล เทา และใช้การตกแต่งที่มีส่วนเว้า ส่วนโค้งมากกว่าเหลี่ยมมุม

ในรูปแบบของหลังคา ส่วนใหญ่เลือกใช้หลังคาทรงปั้นหยา และหลังคาทรงเรียบ เช่น บ้าน 2 ชั้น จะมีหลังคาชั้นบนเป็นทรงปั้นหยา ส่วนชั้นล่างที่ยื่นออกมาจะเป็นหลังคาทรงเรียบแบบสไตล์โมเดิร์น

7. บ้านสไตล์โคโรเนียล (Colonial Style)

7. บ้านสไตล์โคโรเนียล (Colonial Style)

มีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรม ที่มีที่มาจากการเข้าไปยึดครองของตะวันตก เกิดเป็นการสร้างบ้านแบบตะวันตก ผสมกับท้องถิ่น ที่เป็นอาณานิคม คนไทยในสมัยอดีตมักเรียกกันว่า “ตึกฝรั่ง” นิยมก่อสร้าง และตกแต่งด้วยไม้ หรือใช้วัสดุทดแทนไม้ฉลุลายสวยงาม ซึ่งมันได้รับแรงบันดาลใจ จากการตกแต่งสไตล์คลาสสิก แต่มีการลดทอนความหรูหราลงมา ลักษณะเด่นของสไตล์นี้ คือ มีระเบียงกว้าง และตีผนังไม้ซ้อนทับผนังคอนกรีต แทรกด้วยเสาปูนสลักแบบโรมัน และเน้นการใช้สีโทนสว่าง เช่น สีขาว สีครีม สีฟ้าอ่อน สีชมพูอ่อน ที่ดูอ่อนโยน

          รูปแบบหลังคาในบ้านสไตล์โคโรเนียล มักใช้เป็นหลังคาทรงหน้าจั่ว ทรงปั้นหยา ทรงมะนิลา หรือทรงอิสระที่ให้เข้ากับรูปแบบบ้าน และสามารถกันแดด กันฝนได้ดี 

8. บ้านสไตล์คอทเทจ (Cottage Style)

8. บ้านสไตล์คอทเทจ (Cottage Style)

บ้านสไตล์น่ารัก อบอุ่น ดูอ่อนโยน เป็นอีกหนึ่งสไตล์การออกแบบที่นิมยมในต่างประเทศ ซึ่งในปัจจุบันก็มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่นำเอาแบบบ้านแนวคอทเทจมาปรับใช้ และก่อสร้างเป็นบ้านพักตากอากาศ บ้านสไตล์คอทเทจส่วนใหญ่เป็นบ้านขนาดเล็ก ชั้นเดียว สร้างด้วยวัสดุธรรมชาติ อย่างไม้ แผ่นหิน เน้นสีโทนอ่อน เช่น สีครีม สีเทาอ่อน สีฟ้าอ่อน สีเหลืองอ่อน สลับกับการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ และการตกแต่งด้วยสีขาว และสีไม้อ่อน มีระเบียงยื่นออกมาด้านหน้า เป็นจุดที่ใช้นั่งพักผ่อน และต้อนรับแขก

          ทรงหลังคาของบ้านสไตล์คอทเทจ มักใช้หลังคาทรงหน้าจั่วกว้าง ไม่สูงมาก หรือหลังคาทรงมะนิลา และมีเฉลียงด้านใดด้านหนึ่งเพื่อเป็นจุดรับลมธรรมชาติ เสริมการตกแต่งให้บ้านดูสวย และน่ารักยิ่งขึ้นด้วยการปลูกไม้ดอก ไม้ประดับ หรือไม้กระถางแขวน เป็นต้น

9. บ้านสไตล์ไทยประยุกต์ (Thai Oriental Style)

9. บ้านสไตล์ไทยประยุกต์ (Thai Oriental Style)

แบบบ้านที่สะท้อนถึงศิลปะ วัฒนธรรมของประเทศไทย และการเป็นอยู่ในสมัยอดีต โดยการออกแบบนั้นมักใช้ลักษณะพื้นฐานจากบ้านทรงไทย ผสมผสานกับการออกแบบสมัยใหม่ เป็นบ้านที่ดูทันสมัย แต่มีกลิ่นอายแบบความดั้งเดิม วัสดุที่ใช้ก่อสร้างตัวบ้าน มักจะเป็นผนังอิฐแดงก่อฉาบปูนทั้งหลัง หรือสำหรับบ้าน 2 ชั้น อาจแบ่งเป็นผนังปูนชั้นล่าง และชั้นบนเป็นผนังไม้ ตกแต่งด้วยหน้าต่างบานใหญ่ เพื่อรับอากาศภายนอก อาจมีช่องเปิด หรือพื้นที่ตรงกลาง ใช้เป็นพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ ของคนในครอบครัว

ส่วนรูปแบบของหลังคา จะใช้รูปทรงหน้าจั่วสูง หรือทรงปั้นหยา มุงหลังคาด้วยกระเบื้องดินเผา อาจเป็นกระเบื้องดินเผาเกล็ดปลา กระเบื้องดินเผาสุโขทัย และกระเบื้องหม่อม สีธรรมชาติ หรือสีเคลือบน้ำตาลเม็ดมะขามแบบดั้งเดิม ให้ความรู้สึกแบบสไตล์ไทย ๆ